รับประกันแท้ตลอดชีพ เก๊คืนเต็ม
สินค้าตำหนิไม่ตรงตามรูป คืนเต็ม
สีภาพอาจผิดเพี้ยนไปบ้าง หากอยากดูองค์จริง Video call
สินค้าไม่ลดราคา มีแต่เพิ่มราคานะครับ
กรอบทองเลเซอร์ ไม่ใช่ทองแท้ แถมนะครับ
หากยังเห็นโพสน์อยู่ แสดงว่าสินค้าพร้อมจำหน่าย
ซื้อไปแล้วเบื่อ ไม่ชอบ วันไหนรับซื้อคืน ตลอดชีพ ตามสากล
มีใบเสร็จออกให้ ณ วันซื้อ การันตรีใบอนุญาตจากกรมการปกครอง
หากต้องการใบการันตรีจากสมาคม บวกเพิ่ม 2,000.- ค่าดำเนินการ
เอกสารที่ต้องเตรียม สำเนาบัตรประชาชน ออกในนามผู้ซื้อ
ดูภาพเพิ่มเติมได้ที่ www.redictshop.com
การันตรีพระแท้ เก้คืนเต็มจำนวน หากเบื่อรับซื้อคืนตามเงื่อนไข
คาถาขอลาภหลวงปู่หลิว
ตั้งนะโม 3 จบ ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยและคุณบารมีของหลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง แล้วสวดว่า
“จะขอลาภหลวงปู่หลิวจะมะหาเถรา
สุวรรณณะมามา ระชะมามา เพชรชะมามา
อาหาระมามา ขาทะนียะมามา โภชะนียะมามา
สัพเพชะนา พะหูชะนา สัพพะบูชา ภะวันตุเม
นะชาลีติ อาคัจฉัยยะ อาคัจฉาหิ” (ท่อง 1 จบ)
จากนั้นจึงตามด้วยคาถาพญาเต่าเรือนดังนี้
คาถาพญาเต่าเรือน
“นะมะพะทะ นาสังสิโม สังสิโมนา สิโมนาสัง โมนาสังสิ นะอุทะกะ เมมะอะอุอะ” (ท่อง5จบ หรือ9จบ)
เมื่อสวดจบแล้วให้ตั้งจิตอธิษฐานตามที่ปรารถนา หากไม่เกินกรรมเชื่อว่าจะสำเร็จได้ และสำหรับการสวดคาถาขอลาภหลวงปู่หลิวนั้นต้องสวดด้วยจิตศรัทธาตั้งมั่น จิตเป็นสมาธิแน่วแน่ จึงจะเห็นผล และต้องทำพร้อมๆไปกับการให้ทานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้บุญกุศลหนุนนำให้ประสบแต่ความโชคดี มีโชคลาภได้เร็วยิ่งขึ้น
หลวงปู่หลิว รุ่นสุขใจ บล็อคบอล (นิยม) ผิวไฟเดิม เหรียญพญาเต่าเรือน หลวงปู่หลิวปลุกเสกสร้างปี 2537 ตอกโค้ดภาษาจีน โค้ดตัว ท
เหรียญพญาเต่าเรือน หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง รุ่นสุขใจ ปี 2537 จ.นครปฐม จัดสร้างจำนวน 4 เนื้อ
1.เนื้อทองคำ จำนวน 175 เหรียญ
2.เนื้อเงิน จำนวน 20,000 เหรียญ
3.เนื้อนวโลหะ จำนวน 20,000 เหรียญ
4.เนื้อทองแดง จำนวน 84,000 เหรียญ
รับประกันแท้ตลอดชีพ เก๊คืนเต็ม
ทำไมถึงต้องเป็นพญาเต่าเรือน หลวงปู่หลิวท่านเคยบอกไว้ว่าต้องการทำวัตถุมงคลให้แปลกและดีจึงนึกถึงเต่า เพราะว่าเต่าเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนยาว เต่าเป็นสัตว์ที่มีศีลธรรม นอกจากนี้พระพุทธเจ้ายังเคยเสวยพระชาติเป็นพญาเต่ามาแล้ว
หลวงปู่หลิว ปณฺณโก นามเดิม “หลิว แซ่ตั้ง” (นามถาวร) บุตร คุณพ่อเต่ง แซ่ตั้ง คุณแม่น้อย แซ่ตั้ง ครอบครัวมีอาชีพทำไร่ทำนา เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2448 ขึ้น 11 ค่ำ เดือนอ้าย (ปีมะเส็ง) ณ หมู่บ้านหนองอ้อ ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งสิ้น 9 คน เป็นชาย 5 คน และหญิง 4 คน ท่านเคยสมรสกับนางหยด มีบุตรชาย 1 คน ชื่อ นายกาย นามถาวร
หลวงปู่หลิวอุปสมบทเมื่ออายุ 27 ปี ณ พัทธสีมาพระอุโบสถ วัดโบสถ์ ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี (ประมาณเดือน 7 ก่อนเข้าพรรษา พ.ศ. 2475 ปีวอก) มีหลวงพ่อโพธาภิรมย์ แห่งวัดบำรุงเมือง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่ออินทร์ วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ห่อ วัดโบสถ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาจากพระอุปัชฌาย์ว่า “ปณฺณโก” เมื่ออุปสมบทแล้วหลวงปู่หลิวได้มาจำพรรษา ณ วัดหนองอ้อ หลังจากนั้นท่านได้ไปเรียนวิชาอาคม จากอาจารย์หม่ง ชาวกระเหรี่ยง, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี, หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช, หลวงพ่ออุ้ม จ.นครสวรรค์ และคณาจารย์อีกหลายๆท่าน ทั้งที่เป็นภิกษุและฆราวาส
หลวงปู่หลิว ท่านเป็นพระที่ไม่หยุดนิ่ง ท่านได้ไปจำพรรษาและบูรณะปฏิสังขรณ์ยังวัดต่างๆดังนี้
พ.ศ.2482 บูรณะ วัดท่าเสา จ.สุพรรณบุรี สร้างกุฏิ 3 หลัง และพระอุโบสถ 1 หลัง
พ.ศ.2484 จำพรรษา ณ วัดสนามแย้ จ.กาญจนบุรี บูรณะกุฏิ วิหาร ศาลาการเปรียญ และโบสถ์ ท่านพัฒนาวัดยาวนานถึง 36 ปี
พ.ศ.2520 สร้างวัดไทรทอง ที่ ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปีจึงแล้วเสร็จ
พ.ศ.2525 สร้างวัดไร่แตงทอง ที่ ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไร่แตงทอง เมื่อวันที่ 7 มิถนายน พ.ศ.2535
เมื่อหลวงปู่หลิวได้พัฒนาวัดไร่แตงทอง จนเจริญรุ่งเรืองแล้ว ท่านได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไร่แตงทอง แล้วได้ย้ายกลับมาจำพรรษาที่วัดหนองอ้อ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี อันเป็นวัดบ้านเกิด อีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2540 ในฐานะพระลูกวัดรูปหนึ่งเท่านั้น
หลวงปู่หลิว นับเป็นผู้ทรงอภิญญาและมีพุทธาคมสูงส่ง มีเมตตา พร้อมช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ท่านพร้อมจะสร้างและเสียสละให้กับพุทธศาสนา ไปอยู่ที่แห่งใดก็เปรียบเหมือนดวงประทีปของที่นั้นจนได้ชื่อว่า “พุทธบุตร” ผู้คนต่างยกย่อง และท่านบูรณะปฏิสังขรณ์สร้างเสนาสนะต่างๆ ภายในวัดโดยมิได้หยุดหย่อน หลวงปู่หลิวเคยตั้งปฏิธานด้วยสัจจะ 2 ประการ คือ
1. เลิกอบายมุข ทุกชนิด
2. เมื่อมีโอกาสจะสั่งสมบารมี ด้วยการสร้างเสนาสนะภายในวัด เช่น โบสถ์ วิหาร กุฏิ ศาลาการเปรียญ จนกว่าชีวิตจะหาไม่
ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าของหลวงปู่หลิว เป็นผลให้อำนาจบารมีของคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลให้ท่านมี “วาจาสิทธิ์” กับ “ญาณทิพย์” มาขจัดปัดเป่าความทุกข์โศกของบรรดาศิษยานุศิษย์ได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะยากดีมีจนท่านก็ช่วยเหลือจนหมดสิ้น
หลวงปู่หลิวเป็นพระที่ถือสันโดษ ไม่ลุ่มหลงทั้งทางโลกและทางธรรม ท่านไม่รับและไม่ยินดียินร้ายต่อสมณศักดิ์ทางสงฆ์ แม้จะมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย อ้อนวอนให้หลวงปู่รับสมณศักดิ์ทางสงฆ์ หลวงปู่หลิวก็หายอมรับไม่ ขออยู่อย่างพระธรรมดาทั่วไป กุฏิท่านไม่มีเครื่องปรับอากาศ ทีวี ตู้เย็น ไม่มีที่นอนอย่างดี ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง อยู่แบบสมถะ เป็นที่นับถือของคนทั่วไป มีบุคคลต่างๆจากทั่วสารทิศมาพึ่งบารมีขอพร ขอให้ช่วยคลายทุกข์มากมาย ท่านมีลูกศิษย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน และฮ่องกง ท่านฉันอาหารอย่างง่าย ที่ฉันทุกมื้อคือ ผักต้มนิ่ม ๆ และมีมะระขี้นกทุกมื้อ น้ำพริก รสไม่เผ็ด แกงเลียง ข้ามต้ม ผัดหมี่ซั่ว ผลไม้ที่ท่านชอบมากคือ ทุเรียน นอกจากนั้น ท่านชอบฉันหมากเป็นประจำ และนอกจากจะมีวัตรปฏิบัติที่เพียบพร้อมแล้ว ยังมีอารมณ์ขัน จนเป็นที่ทราบของคนใกล้ชิดและลูกศิษย์ลูกหา จนมีการรวบรวมอารมณ์ขันของหลวงปู่มาเป็นหนังสือได้ 1 เล่มทีเดียว
ต่อมาช่วงกลางปี พ.ศ. 2543 หลังจากพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลรุ่นเสาร์ 5 เป็นต้นมา หลวงปู่ก็เริ่มอาพาธ ด้วยโรคชรา หลวงปู่หลิวเคยปรารภกับลูกหลานว่า ท่านเกิดที่หนองอ้อ ท่านก็อยากตายที่หนองอ้อ และหากว่าเมื่อถึงเวลาที่ท่านต้องจากไป ก็อย่าได้หน่วงเหนี่ยวท่านไว้ เพราะวัฏสงสารเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ และในค่ำคืนวันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2543 เวลา 20.35 น. หลวงปู่หลิวได้ละสังขารอย่าสงบท่ามกลางลูกหลานที่คอยมาดูใจเป็นครั้งสุดท้าย ที่กุฏิของท่าน ณ วัดหนองอ้อ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี สิริอายุ 95 ปี พรรษา 74 พรรษา