สำนักสงฆ์ป่าสมุนไพร ปราจีนบุรี

สำนักสงฆ์ป่าสมุนไพร ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2532 โดยพระอาจารย์อนุชิต อิตธิญาโน เป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดแห่งนี้

สำนักสงฆ์ป่าสมุนไพรเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่เน้นในด้านวิปัสสนากรรมฐาน บรรยากาศภายในสำนักสงฆ์ร่มรื่นด้วยต้นไม้ มีบรรยากาศที่เงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง

สิ่งที่น่าสนใจภายในสำนักสงฆ์ ได้แก่

• พระอุโบสถ ลักษณะเป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ หลังคาทรงจั่ว หน้าบันประดับด้วยลายปูนปั้น ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ

• ศาลาการเปรียญ ลักษณะเป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ หลังคาทรงจั่ว หน้าบันประดับด้วยลายปูนปั้น

• หอระฆัง ลักษณะเป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ หลังคาทรงจั่ว หน้าบันประดับด้วยลายปูนปั้น

• กุฏิสงฆ์ ประกอบด้วยกุฏิสงฆ์หลังเก่าและหลังใหม่ สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์

• ลานปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังพระอุโบสถ เป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

นอกจากนี้ สำนักสงฆ์ป่าสมุนไพรยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย เช่น สวนสมุนไพร บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ และลานหินพระธาตุ เป็นต้น

สำนักสงฆ์ป่าสมุนไพรเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาที่ได้รับความนิยมจากพุทธศาสนิกชนทั่วไป ในแต่ละปีจะมีผู้เดินทางมาปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก

การเดินทางไปสำนักสงฆ์ป่าสมุนไพร สามารถเดินทางได้โดยรถยนต์ส่วนตัว จากตัวเมืองปราจีนบุรี โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 33 มุ่งหน้าสู่อำเภอกบินทร์บุรี ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 114 เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายบ้านวังน้ำเขียว-บ้านเขาไม้แก้ว ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ก็จะถึงสำนักสงฆ์

เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นที่สำนักสงฆ์ป่าสมุนไพร ได้แก่

• เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 คณะกรรมการสำนักสงฆ์ได้เข้าตรวจสอบภายในกุฏิเจ้าสำนักสงฆ์ และพบว่าภายในกุฏิเต็มไปด้วยสิ่งของที่เกี่ยวกับวิชามนต์ดำ และยังพบหัวกะโหลกและกระดูกชิ้นส่วนต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ

• จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า หัวกะโหลกและกระดูกชิ้นส่วนต่างๆ ดังกล่าว เป็นของมนุษย์จริง และคาดว่าเป็นชิ้นส่วนของคนที่เสียชีวิตมาแล้วหลายปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวพระอาจารย์อนุชิต อิตธิญาโน เจ้าสำนักสงฆ์ไปสอบสวน ซึ่งพระอาจารย์อนุชิตให้การว่า ตนได้เก็บรวบรวมหัวกะโหลกและกระดูกชิ้นส่วนต่างๆ ดังกล่าวไว้เพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความฮือฮาให้กับสังคมเป็นอย่างมาก และทำให้สำนักสงฆ์ป่าสมุนไพรกลายเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป